บทที่ 1 บทนำ
ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีสถานศึกษาในสังกัดจำนวน 415 แห่ง
ทั้งวิทยาลัยสารพัดช่าง วิทยาลัยอาชีพ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี กระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำหน้าที่ผลิตและพัฒนากำลังคนในระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี ให้ตอบสนองและสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม และอาจกล่าวได้ว่า การก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 นี้ เป็นก้าวย่างสำคัญของการปฏิรูปการอาชีวศึกษา ในยุคของการเปลี่ยนแปลง ที่แปรผันไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนผู้นำระดับสูง อย่างไรก็ตามเลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ยังถือเป็นความท้าทายในการพัฒนากำลังคนทั้งปริมาณและคุณภาพ มุ่งสู่ความเป็นเลิศและมาตรฐานสากล เสริมสร้างประสิทธิภาพ รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปลูกจิตอาสาสร้างสรรค์สังคม เพิ่มขีดความสามารถของครูและผู้เรียนยุคใหม่ทั้งหลายทั้งมวลนี้ ก็เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศไทย ก่อนก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) หรือ AEC ในปี 2558
ในวาระนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาได้เตรียมความพร้อมถึงอนาคต ของการอาชีวศึกษาไทยตลอดจนนโยบายต่างๆ ที่กำลังเร่งดำเนินการลุล่วง ไว้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นความคืบหน้าของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ที่ขณะนี้ ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์สงครามยังรั้งตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการสถาบันฯ เป็นการชั่วคราว เพื่อวางฐานราก และนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับรองมาตรฐานวิชาชีพรับรองสมรรถนะบุคคลให้กับผู้สำเร็จอาชีวศึกษารวมทั้งกำลังคนในตลาดแรงงานให้มีความรู้ ความสามารถ ตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ เพื่อสร้างบรรทัดฐานค่าตอบแทนที่เป็นธรรม
ซึ่งยังเกี่ยวโยงไปถึงการเตรียมกำลังคน เข้าสู่ตลาดแรงงานของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยที่การผลิตและพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษา เข้าสู้ภาคอุตสาหกรรม เกษตรและบริการ จะกลายเป็นภารกิจหลักของ สอศ. ซึ่งได้วางยุทธศาสตร์ไว้ดังนี้
1) การปรับหลักสูตรเพื่อให้การยกระดับสมรรถนะกำลังคน ความสามารถของผู้ประกอบการและแรงงานด้านอาชีวศึกษาเป็นที่ยอมรับในกลุ่มอาเซียน มาตรฐานการอาชีวศึกษา ที่เชื่อมโยงละเป็นที่ยอมรับในกลุ่มสมาชิกอาเซียน (Thai Vocational Standard Capability Building)
2) การสร้างความร่วมมือในกรอบความร่วมมืออาเซียนASEAN Plus และ ASEAN Minus ระดับทวิภาคีและพหุพาคี
3) การเป็นศูนย์กลางศึกษาและฝึกอบรมอาชีวศึกษาในระดับภูมิภาคนานาชาติ หลายเรื่องที่เราทำมีความร่วงหน้าไปมาก และหลายเรื่องที่เป็นเรื่องใหม่ในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนสายอาชีพ เช่น การทดสอบการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ซึ่งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) จะจัดสอบให้ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 3 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ขั้นปีที่ 2 ช่วงเดือน มกราคมปี 2555 ผลการทดสอบที่ได้จะกลายเป็นตัวชี้วัดคุณภาพผู้เรียนสถานศึกษาเป็นรายโรงเรียนซึ่งนั้นยังเชื่อมโยงไปสู่การประเมินคุณภาพภายนอกจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพสถานศึกษา (สมศ.) เป็นการประกันคุณภาพที่เห็นผลและจับจ้องได้
ที่สำคัญยังช่วยยกระดับความเชื่อมั่นในศักยภาพของเด็กอาชีวศึกษาในสายตาของผู้ประกอบและภาคอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ
นี่คือภาพของอนาคตข้างหน้า แต่อย่างไรเสียหากมองย้อนไปในวันวานการอาชีวศึกษา ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ให้บริการสังคม อยู่ทุกขณะ เช่นโครงการร่วมด้วยช่วยประชาชน ตรวจรถก่อนใช้ปลอดภัยแน่นอน ในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ โครงการอาชีวศึกษาร่วมใจต้านภัยหนาว ตัดเย็บซ่อมแซมเสื้อกันหนาวผ้าห่มอุปกรณ์สร้างความอบอุ่นไปมอบให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยหนาวในเขตภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางบางพื้นที่โครงการบ้านน้ำใจ ดำเนินการสร้างบ้านให้นักเรียนที่เรียนดีความประพฤติดีแต่มีฐานะยากจนที่ตกอยู่ในสภาวะยากลำบากให้มีที่อยู่ที่ปลอดภัย หรือโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix lt Center เพื่อชุมชนถาวรประจำ อบต. จำนวน 1,200 จุด ยกระดับช่างชุมชน และการให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องมือทำมาหากิน เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องจักรกลเกษตรแกประชาชน เป็นต้น
โครงการเหล่านี้ยังเป็นการสร้างประสบการณ์แก่ผู้เรียน ทั้งในด้านการฝึกงานวิชาชีพและปลูกฝังสำนึกการบริการสังคม นอกจากนี้ได้เน้นเครือข่ายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนให้เข้ามาร่วมรับผิดชอบและมีบทบาทในการจัดการอาชีวศึกษาร่วมกันมากขึ้น ผลของงานเหล่านี้ ช่วยทำให้การออาชีวศึกษาเป็นที่รู้จักกับสังคมมากขึ้น และกลุ่มเป้าหมายนักเรียนที่จบชั้น ม.ต้น ต่างต้องการเข้าสู้ระบบอาชีวศึกษามากขึ้น เพราะมองเห็นการมีงานทำในอนาคต และเหนือสิ่งอื่นใด คือเราภูมิใจที่ได้ส่งเสริมพัฒนาการผู้เรียนให้เป็น แรงงานฝีมือที่มีทักษะเชี่ยวชาญ ที่มีคุณภาพ มีคุณธรรม มีจรรยาบรรณทางวิชาชีพ รับผิดชอบต่อสังคมและพึ่งพาตนเองได้
จากนโยบายของสำนักงานของสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา วิทยาลัยโดยแผนกวิชาได้นำมาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม การจัดรายวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน การจัดให้นักศึกษาได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม ตลอดจนการมีส่วนร่วมของการจัดการเรียนการสอน ซึ่งทำให้ผู้เรียนมีวิวัฒนาการการแสดงออก การใช้ทักษะ ความสามารถในการแสดงออกอย่างเต็มที่
จากคำอธิบายรายวิชาโครงการศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับการบูรณาการความรู้ทักษะลิประสบการณ์เพื่อวางแผนพัฒนางานในสาชาวิชา ด้วยกระบวนการทดลอง สำรวจประดิษฐ์คิดค้น หรือการปฏิบัติงานเชิงระบบ การเลือกหัวข้อโครงการ การศึกษาค้นคว้าข้อมูลและเอกสาร อ้างอิง การเขียนโครงการ การดำเนินโครงการการเก็บรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์และแปลผลการสรุปผลการดำเนินงานการ จัดทำรายงานการนำเสนอผลงานการใช้สื่อโสตทัศน์ประกอบการนำเสนอผลงานโครงการ
จากคำอธิบายรายวิชา ผู้จัดทำโครงการ ได้คิดค้นโครงการซึ่งมีประโยชน์และสามารถนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ โดยการศึกษาความจำเป็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น และความเป็นไปได้โดยได้จัดทำโครงการชุดฝึกอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรม 1
ในปัจจุบันการใช้ชีวิตประจำวันของเราล้วนมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีบทบาท ในการอำนวยความสะดวกในทุก ๆ ด้าน และหน้าที่ในการซ่อมแซมอุปกรณ์เหล่านี้เมื่อเกิดการชำรุด ก็จะเป็นหน้าที่ของช่างอิเล็กทรอนิกส์ ในการซ่อมจะต้องใช้การบัดกรี เพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เสียหาย และต้องมีการป้อนไฟทดสอบวงจร ปัญหาในการซ่อมแซมจะมีควันตะกั่วซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้ปฏิบัติงาน และอาจหยิบจับอุปกรณ์ไม่สะดวก
กลุ่มของกระผมจึงได้ศึกษาและแก้ไขปัญหาโดยได้คิดค้นและสร้างโต๊ะปฏิบัติงานช่างอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Sensor PIR ที่มีอุปกรณ์ช่วยในการดูดจับและกรองควันจากการบัดกรี มีแหล่งจ่ายไฟ Power supply มีเครื่องมือพื้นฐานที่ใช้ในการซ่อม เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่การปฏิบัติงานของช่างอิเล็กทรอนิกส์ และสามารถเคลื่อนย้ายโต๊ะได้สะดวก
1.2 วัตถุประสงค์ของการทำโครงการ
1.2.1. เพื่อสร้างโต๊ะปฏิบัติงานช่างอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Sensor PIR
1.2.2. เพื่อหาประสิทธิภาพของผู้ใช้โต๊ะปฏิบัติงานช่างอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Sensor PIR ที่ใช้งานได้มีคุณภาพ
1.2.3. เพื่อหาความพึงพอใจของผู้ใช้โต๊ะปฏิบัติงานช่างอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Sensor PIR
1.3. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.3.1 สุขภาพอนามัยของผู้ปฏิบัติงาน มีความเสี่ยงลดน้อยลง
1.3.2 ความรวดเร็วในการทำงาน และการปฏิบัติในการประกอบวงจรมีจำนวนมากขึ้น เมื่อเทียบกับเวลาที่ไม่มีโต๊ะปฏิบัติงานช่างอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Sensor PIR
1.3.3 มีความสะดวก สบายในการใช้เครื่องมือในการปฏิบัติงาน
1.4 ขอบเขตของโครงการ
โต๊ะปฏิบัติงานช่างอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Sensor PIR มีขอบเขตดังนี้
1.4.1. มี Power supply 0 – 30 V
1.4.2. ดูดกำจัดควันตะกั่วบัดกรี
1.4.3. ทำงานได้ 2 ระบบ คือ ระบบ Manual และระบบ Auto ด้วย Senser PIR
1.4.4. มีเครื่องมือในการปฏิบัติงานเบื้องต้น
1.4.5. โต๊ะปฏิบัติงานมีขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) = 100 ซม. X 120 ซม. X 80 ซม.
ภาพประกอบที่ 1 แสดงรูปร่างหน้าตาของเครื่องด้านหน้า
ภาพประกอบที่ 2 แสดงรูปร่างหน้าตาของเครื่องด้านล่าง
ภาพประกอบที่ 3 แสดงรูปร่างหน้าตาของเครื่องด้านหลัง
1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ
โต๊ะปฏิบัติงานช่างอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Sensor PIR หมายถึง โต๊ะที่มีอุปกรณ์ช่วยในการดูดจับและกรองควันจากการบัดกรี มีแหล่งจ่ายไฟ Power supply มีเครื่องมือพื้นฐานที่ใช้ในการซ่อม เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่การปฏิบัติงานของช่างอิเล็กทรอนิกส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น